You Are Here: หน้าหลัก > เกี่ยวกับเรา > ประกาศ
ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าธนาคาร
 

เรียน ท่านลูกค้าที่ใช้บริการ

    ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) (“ธนาคาร”) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และพยายามมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (รวมเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.ฯ”) 
    คำนิยามที่กล่าวถึงในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ให้มีความหมายเช่นเดียวกับความหมายที่ได้กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ฯ

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อธิบายถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
• ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่ธนาคารเก็บรวบรวม โดยที่ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลที่ท่านมอบให้แก่ธนาคารเกี่ยวกับตัวท่านเอง หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (รวมเรียกว่า “ท่าน”) ซึ่งรวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง กรรมการ หรือผู้แทนของท่านในกรณีที่ท่านเป็นนิติบุคคล และข้อมูลที่ธนาคาร รับทราบจากการที่ท่านเป็นลูกค้าของธนาคาร และข้อมูลทางการตลาดที่ท่านประสงค์ที่จะให้ธนาคารส่งให้แก่ท่าน
• ธนาคารใช้ เก็บรวบรวม และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
• ธนาคารเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลใดบ้าง
• ทางเลือกที่ธนาคารนำเสนอให้แก่ท่าน รวมถึงวิธีการเข้าถึง และดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นปัจจุบัน
• สิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้แก่อะไรบ้าง และกฎหมายนั้นปกป้องคุ้มครองท่านอย่างไร

1. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
    ธนาคารเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหลากหลายประเภท โดยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวมนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ และลักษณะของผลิตภัณฑ์ บริการที่ท่านเลือก และ/หรือ ธุรกรรมที่ท่านดำเนินการ

ธนาคารเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายดังต่อไปนี้

• เมื่อท่านสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการของธนาคาร
• บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างท่านกับธนาคาร หรือสำนักงานสาขา รวมถึงการบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ ไปรษณีย์ อีเมล บันทึกข้อความ หรือวิธีการอื่นใด
• เมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือใช้แอปพลิเคชันของธนาคารผ่านทางมือถือ ซึ่งรวมถึงซอฟต์แวร์ทางอินเทอร์เน็ตอื่นๆ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
• ข้อมูลที่ได้จากเอกสารประกันภัย หรือเอกสารอื่นๆ
• การตรวจสอบและคำชี้แจงใดๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน
• แบบสำรวจลูกค้า
• เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันชิงรางวัลหรือการส่งเสริมการขายกับทางธนาคาร
• เมื่อท่านทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฎแก่สาธารณะอย่างชัดแจ้ง รวมถึงเปิดเผยข้อมูลผ่านทางโซเชียลมีเดีย (social media) เช่น ธนาคารอาจจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากข้อมูลโปรไฟล์ที่ปรากฎทางโซเชียลมีเดีย (social media) ของท่าน ในกรณีดังกล่าว ธนาคารจะเลือกเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเลือกให้ปรากฎต่อสาธารณะเท่านั้น
• เมื่อธนาคารได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่น นายจ้างของท่าน ลูกค้าของธนาคาร หน่วยงานที่เก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานของรัฐอื่นใด เป็นต้น
• เมื่อท่านซื้อผลิตภัณฑ์ หรือบริการของธนาคารจากบุคคลที่สาม
• เมื่อธนาคารได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างท่านกับธนาคารผ่านทางออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย (social media)ใดๆ เช่นไลน์ (Line) เฟซบุ๊ก(Facebook) หรือแอปพลิเคชันใดๆของธนาคาร

    ในบางกรณีธนาคารอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์เพิ่มเติม รวมถึงการเก็บรวบรวมในเชิงพาณิชย์จากแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม เช่น ข้อมูลจากหน่วยงานที่เก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต (บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ) ธนาคารอาจรวมข้อมูลนี้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารรวบรวมเกี่ยวกับท่านภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
    ในบางกรณีธนาคารอาจว่าจ้างบุคคลภายนอก เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับกิจกรรมทางออนไลน์ของท่านเมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมแหล่งข้อมูลออนไลน์ของธนาคาร นอกจากนี้ธนาคารยังอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมจากเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของบริษัทในกลุ่มเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเข้าชมของท่าน ทั้งนี้ หากธนาคารได้ดำเนินการดังกล่าวนี้ ธนาคารจะทำการแจ้งเตือนและเสนอทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้ท่านสามารถยกเลิกการประมวลผลดังกล่าวได้


ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารประมวลภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนตัว:  ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขอื่น ๆ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏอยู่บนเอกสารที่ราชการออกให้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี สัญชาติ ภาพถ่ายของหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ หรือ บัตรประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อ ข้อมูลการยืนยันตัวตน ข้อมูลที่ธนาคารได้รับจากท่านจากคำถามยืนยันตัวตนของธนาคาร เช่น รหัสผ่าน คำตอบในกรณีที่ท่านลืมรหัสผ่าน PINs ข้อมูลการจดจำใบหน้าและเสียง ภาพถ่าย ภาพเสมือนจริง (Visual Image) และภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV)
ข้อมูลครอบครัว: ชื่อ และข้อมูลการติดต่อของสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งคู่สมรส และบุตร
ข้อมูลการติดต่อ: ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และ รายละเอียดโปรไฟล์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย (social media)
ข้อมูลการศึกษา: รายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษาและคุณสมบัติของท่าน
ข้อมูลทางการเงิน:  ที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต ชื่อผู้ถือบัตร หรือ เจ้าของบัญชี และ รายละเอียดบัญชี บันทึกคำสั่ง รายละเอียดธุรกรรม และรายละเอียดคู่สัญญา
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์: ที่อยู่ IP คุกกี้ บันทึกกิจกรรม ข้อมูลระบุตัวตนออนไลน์ ค่าเอกลักษณ์ประจำอุปกรณ์ (unique device identifiers) และข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์


2. การเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    ธนาคารอาจเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะในกรณีที่ธนาคารมีเหตุผลที่เหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินการเช่นว่านั้น  ทั้งนี้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอก
    ธนาคารจะใช้ฐานทางกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งฐานต่อไปนี้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
• เมื่อเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาที่ธนาคารทำไว้กับท่าน (ฐานสัญญา) - กล่าวคือ เมื่อธนาคารต้องการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อที่จะให้บริการแก่ท่านตามสัญญา หรือก่อนที่ธนาคารจะเข้าทำสัญญากับท่าน
• เมื่อเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของธนาคาร (ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย) - กล่าวคือ เมื่อธนาคารมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือภาระข้อผูกพันตามกฎหมาย
• เมื่อเป็นผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของธนาคาร (ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย) - กล่าวคือ เมื่อธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ของธนาคารตามที่กฎหมายอนุญาต ตราบเท่าที่ประโยชน์และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของท่านนั้นไม่เหนือไปกว่าประโยชน์ของธนาคาร
• เมื่อท่านให้ความยินยอม (ฐานความยินยอม) - กล่าวคือ เมื่อท่านให้ความยินยอมแก่ธนาคารในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง

 

วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ผลิตภัณฑ์และการบริการ

• เพื่อให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของธนาคาร
• เพื่อบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารกับท่าน หรือ ธุรกิจของท่าน
• เพื่อศึกษาว่าท่านใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของธนาคารและองค์กรอื่นๆ อย่างไร
• เพื่อศึกษาว่าผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของธนาคารประเภทไหนเป็นที่สนใจแก่ท่าน
• เพื่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของธนาคาร
• เพื่ออำนวยการขายประกันและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
• ฐานสัญญา
• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย
• ฐานความยินยอม

การปฎิบัติตามกฎหมาย

• เพื่อนำส่งรายงานตามระเบียบข้อบังคับแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
• เพื่อป้องกันและตรวจจับการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และปฏิบัติตามกฎหมายอันเกี่ยวข้องโดยผ่านกระบวนการรู้จักลูกค้า (Know Your Customer - KYC) (เพื่อระบุตัวตนของท่าน พิสูจน์ตัวตนของท่าน ตรวจสอบรายละเอียดของท่านกับ Sanction Lists และกำหนดประวัติของท่าน) และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Client Due Diligence - CDD) ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
• เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ

• ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย

 

 

 

การให้ความสนับสนุนลูกค้า

• เพื่อดำเนินการและจัดการการชำระเงิน
• เพื่อเก็บและเรียกชำระเงินที่ท่านค้างชำระแก่ธนาคาร
• ฐานสัญญา

การพัฒนาธุรกิจ

• เพื่อระบุประเด็นปัญหาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ
• เพื่อวางแผนการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการปัจจุบัน
• เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ บริการของธนาคาร
• เพื่อพัฒนาวิธีทางใหม่ๆเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและทำให้ธุรกิจเติบโต
• เพื่อทดสอบ วิเคราะห์ พัฒนา และ/หรือ ออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
• ฐานสัญญา
• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

ความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยง

• เพื่อตรวจสอบ สอบสวน รายงาน และการค้นหาการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน
• เพื่อบริหารความเสี่ยงของธนาคารและลูกค้า
• เพื่อเข้าใจและวิเคราะห์ความต้องการและความพึงพอใจของท่าน
• เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้กับธนาคาร
• เพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องและหาทางแก้ไข
• ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย
• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย
• ฐานสัญญา

การตลาด

• เพื่อพัฒนาและดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการตลาด
• เพื่อติดต่อสื่อสารกับท่านทางอีเมล โทรศัพท์ ส่งข้อความ โซเชียลมีเดีย (social media) ไปรษณีย์ หรือติดต่อด้วยตนเอง เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการของธนาคาร และ/หรือกลุ่มของธนาคาร และ/หรือหุ้นส่วนธุรกิจ ซึ่งท่านอาจสนใจ
• เพื่อเก็บรวบรวมและทำข้อมูลการติดต่อของท่านให้เป็นปัจจุบันตามความเหมาะสม
• ฐานความยินยอม
• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย


    ในกรณีที่ธนาคารอาศัยฐานผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของธนาคาร ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ธนาคารจะพิจารณาว่า สิทธิของท่านมีความสำคัญยิ่งกว่าประโยชน์ของธนาคารนั้นหรือไม่ และจะต้องสามารถสรุปได้ว่าสิทธิของท่านนั้นมิได้มีความสำคัญยิ่งกว่าประโยชน์ดังกล่าว

กรณีที่ท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ธนาคารได้
    ในกรณีที่ธนาคารจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายหรือภายใต้ข้อกำหนดในสัญญาระหว่างธนาคารและท่าน และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ธนาคาร ธนาคารอาจไม่สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันที่ธนาคารมีต่อท่าน หรือตามที่ธนาคารวางแผนว่าจะเข้าทำสัญญากับท่าน (เช่น เพื่อให้บริการเปิดบัญชี) ในกรณีดังกล่าว ธนาคารอาจปฏิเสธการให้บริการที่เกี่ยวข้อง แต่ธนาคารจะแจ้งให้ท่านทราบถึงกรณีเช่นว่านั้นในขณะที่ธนาคารเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    ธนาคารอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นในกรณีที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้ที่ธนาคาร หรือบุคคลอื่นดังกล่าว

• จำเป็นต้องดำเนินการให้แก่ท่านตามสัญญาหรือข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ (เช่น ทำตามคำขอชำระเงิน เป็นต้น)
• มีหน้าที่ตามกฎหมายในการกระทำการดังกล่าว (เช่น เพื่อสืบหา และป้องกันการทุจริต การหลบหลีกภาษี อาชญากรรมทางการเงิน เป็นต้น)
• จำเป็นต้องรายงานตามกฎหมาย ดำเนินคดี ใช้สิทธิตามกฎหมาย หรือปกป้องสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
• กระทำไปเพื่อประโยชน์ของธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น เพื่อบริหารความเสี่ยง ยืนยันตัวตน ให้บริษัทอื่นสามารถให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ หรือประเมินความเหมาะสมของท่านต่อสินค้า และ/หรือ บริการ เป็นต้น) และ/หรือ
• ขอความยินยอมจากท่านในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และท่านให้ความยินยอม


ธนาคารอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้นให้กับบุคคลอื่นดังต่อไปนี้
• บริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มของธนาคาร  และผู้รับเหมาช่วง ตัวแทน หุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือผู้ให้บริการที่ทำงานให้ธนาคารหรือให้บริการแก่ธนาคาร หรือแก่บริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มของธนาคาร รวมถึงพนักงาน ผู้รับเหมาช่วง ผู้ให้บริการ กรรมการ และเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการดังกล่าวนี้ด้วย
• ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการดูแลทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ใด ๆ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือเจ้าพนักงานบังคับคดี
• บุคคลที่ค้ำประกันหรือวางหลักทรัพย์อื่น ๆ ตามจำนวนที่ท่านมีภาระต้องชำระให้กับธนาคาร
• บุคคลใด ๆ ที่ท่านได้ชำระเงินให้ และ/หรือ ได้รับการชำระเงิน
• ตัวแทน ตัวแทนของธนาคาร แผนกการเงิน ระบบการชำระเงิน คู่ค้าและบริษัทอื่น ๆ ที่ท่านลงทุนผ่านธนาคาร
• สถาบันการเงินอื่น ผู้ให้กู้ และผู้ถือหลักทรัพย์ที่อยู่เหนือทรัพย์สินที่ท่านวางเป็นหลักประกันไว้กับธนาคาร เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร สมาคมการค้า หน่วยงานที่เก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต ผู้ให้บริการการชำระเงิน และตัวแทนเรียกชำระหนี้
• ผู้จัดการกองทุนใด ๆ ที่ให้บริการด้านการจัดการสินทรัพย์ให้กับท่าน และโบรกเกอร์ใด ๆ ที่แนะนำท่านให้กับธนาคาร
• บุคคล หรือบริษัทใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างบริษัท การควบรวม หรือเข้าถือครองกิจการที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น โดยรวมถึงการโอนสิทธิ หรือหน้าที่ใด ๆ ซึ่งธนาคาร มีอยู่ภายใต้สัญญาระหว่างธนาคาร และท่าน
• หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย รัฐบาล ศาล กระบวนการทางศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท ผู้กำกับดูแลธนาคาร ผู้ตรวจสอบบัญชี และบุคคลใด ๆ ซึ่งแต่งตั้ง หรือร้องขอโดยผู้กำกับดูแลธนาคาร ให้ทำการตรวจสอบกิจกรรมการดำเนินงานของธนาคาร
• ในกรณีที่ธนาคารเป็นนายหน้าประกันภัย ธนาคารจะมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และ/หรือ กฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย โดยสามารถดูเพิ่มเติมได้จากนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่ https:www.oic.or.th
• บุคคลอื่นใดซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม
• หน่วยงานป้องกันการทุจริตซึ่งใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสืบหา และป้องกันการทุจริต และอาชญากรรมทางการเงินอื่น ๆ และเพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
• บุคคลใด ๆ ที่ออกคำสั่ง หรือบริหารจัดการบัญชีของท่าน สินค้า หรือบริการในนามของท่าน (เช่น ผู้รับมอบอำนาจ ทนายความ เป็นต้น) และ/หรือ
• บุคคลใด ๆ ที่ธนาคาร ได้รับคำสั่งจากท่านให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลดังกล่าว
• ฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดใด ๆ


    ในบางกรณีที่ธนาคารอาจเปิดเผยข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของท่านให้กับบุคคลที่สาม เช่น การยืนยันตัวตนแบบ advertising identifiers หรือ การยืนยันตัวตนของบัญชีทั่วไปโดยการเข้ารหัสแบบทางเดียว (cryptographic hash) เช่น หมายเลขติดต่อ หรืออีเมล เพื่อการโฆษณาตามเป้าหมาย
    เว้นแต่ได้กำหนดไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ธนาคารจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หากธนาคารจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ธนาคารจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้ธนาคารดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิให้ความยินยอมหรือปฏิเสธ การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ธนาคารจะปฏิบัติต่อข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองของธนาคารซึ่งเกี่ยวข้องกับลูกค้าและนักลงทุนในอนาคต ปัจจุบันและในอดีต ตามประกาศความเป็นส่วนตัวนี้อย่างเคร่งครัด

การส่ง หรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ
    ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศ และถูกเก็บ/ประมวลผลในต่างประเทศ  

    ทั้งนี้ ประเทศเช่นว่านั้นอาจไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เทียบเท่ากับประเทศไทย ในกรณีที่ธนาคารจะกระทำการดังกล่าว ธนาคารรับรองว่า ประเทศดังกล่าวมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เหมาะสม และการส่ง หรือโอนข้อมูลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเปิดเผยให้กับบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มของธนาคารตามสัญญาโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Transfer Agreement) ซึ่งกำหนดให้บริษัทในกลุ่มของธนาคารผู้ซึ่งรับโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากธนาคารจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถขอรับสำเนา Data Transfer Agreement ของธนาคารได้โดยติดต่อ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธนาคาร 
    ธนาคารอาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างท่าน และธนาคารเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และ/หรือ เพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของธนาคาร อย่างไรก็ตามกฎหมายของบางประเทศอาจกำหนดให้ธนาคาร ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานทางภาษี หรือ ธนาคารแห่งชาติของประเทศนั้น ในกรณีเช่นว่านั้น ธนาคาร จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีสิทธิเห็น หรือเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น

4. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
    ธนาคารจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น กล่าวคือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานตามกฎหมาย เพื่อให้บริการตามที่ท่านร้องขอ หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    ธนาคารจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นเวลา 10 ปีภายหลังจากที่ท่านไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร แล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของธนาคาร ในการดำเนินข้อพิพาททางสัญญาใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นนั้นในระยะเวลาดังกล่าว เว้นแต่กรณีที่มีเหตุผลทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ ธนาคารอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่า 10 ปีได้ หากธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านแล้ว ธนาคารจะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (เพื่อที่ข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีความเชื่อมโยงถึงท่านอีกต่อไป)
    ในกรณีที่ท่านได้ใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการจากบุคคลที่สาม เช่น บริษัทประกันภัยที่ธนาคารแนะนำให้ท่าน บุคคลที่สามดังกล่าวอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการของบุคคลที่สามเหล่านั้น

5. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล
    ท่านจะต้องทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของธนาคารมีความเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และถูกต้อง โดยจะต้องแจ้งธนาคารเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยติดต่อธนาคารผ่านทางช่องทางที่ระบุไว้ในข้อ 10 ของประกาศความเป็นส่วนตัวนี้
    ธนาคารจะขอให้ท่านปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเป็นครั้งคราว เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง และสมบูรณ์

6. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    ภายใต้สถานการณ์บางประการ ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยธนาคารจะเคารพสิทธิของท่านและจะดำเนินการตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลของท่านอย่างทันท่วงที

    รายละเอียดของสิทธิของท่านเป็นไปตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้
• สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ในกรณีที่ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่จะให้ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ธนาคารอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากธนาคารมีฐานอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิในการขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากธนาคารและตรวจสอบว่าธนาคารได้ประมวลผลตามกฎหมายหรือไม่
• สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์ ทั้งนี้ โปรดอ่านรายละเอียดการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลในข้อ 5. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล
• สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิร้องขอให้ธนาคาร ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป โดยท่านสามารถใช้สิทธิในการขอให้ธนาคารลบข้อมูลส่วนบุคคลนี้ควบคู่ไปกับสิทธิในการคัดค้านในข้อถัดไป อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธินี้จะไม่เป็นการใช้สิทธิเพื่อขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด โดยธนาคารจะพิจารณาแต่ละคำขออย่างระมัดระวังตามข้อกำหนดในกฎหมายใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ธนาคาร ประมวลผลภายใต้ฐานผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของธนาคาร นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากธนาคาร ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด และเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อวิเคราะห์หรือคาดการณ์พฤติกรรม (Profiling) (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยธนาคารประเมินสิ่งที่ท่านสนใจ เช่น ความชอบ หรือความสนใจของท่านที่เกี่ยวกับทำการตลาดแบบตรง)
• สิทธิในการขอให้มีการจำกัดการประมวลผล: ท่านมีสิทธิขอให้ธนาคาร ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว เช่น เมื่อท่านต้องการให้ธนาคาร แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเมื่อท่านร้องขอให้ธนาคาร พิสูจน์เหตุผล หรือฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• สิทธิในการเคลื่อนย้ายข้อมูล: ในบางกรณี ท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากธนาคารได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ สิทธิดังกล่าวนี้จะใช้ได้เฉพาะในกรณีของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ส่งมอบให้แก่ธนาคาร และธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยอาศัยความยินยอมของท่าน หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการประมวลผลเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันภายใต้สัญญาได้
• สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน: ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านเห็นว่า ธนาคาร หรือพนักงานของธนาคาร หรือผู้ให้บริการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ฯ หรือประกาศอื่น ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว

    การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฏหมายที่เกี่ยวข้องและอาจมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่ธนาคารอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ซึ่งธนาคารจะแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบ นอกจากนั้นท่านสามารถใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

การจัดการกับเรื่องร้องเรียน
    ท่านสามารถติดต่อธนาคารเพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธนาคาร และธนาคารจะพิจารณาคำขอของท่านโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การร้องเรียนต่อธนาคารนี้ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของท่านในการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

7. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง ธนาคารจะตรวจสอบ และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขององค์กร ทั้งทางกายภาพ และทางเทคนิคที่ทันสมัยอยู่เสมอเมื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ธนาคารได้วางนโยบาย และมาตรการควบคุมภายในเพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลาย ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ถูกเปิดเผย และเข้าถึงโดยบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ของธนาคาร โดยพนักงานของธนาคารนั้นได้รับการอบรม และฝึกฝนให้จัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับการอบรมฝึกฝนดังกล่าว พนักงานจะได้รับโทษทางวินัย

8. หน้าที่ของท่าน
    ท่านมีหน้าที่ตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับธนาคารไม่ว่าจะด้วยตัวของท่านเอง หรือในนามของท่าน มีความถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน และมีหน้าที่ต้องแจ้งให้ธนาคารทราบโดยเร็วที่สุดหากข้อมูลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลง
    เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับธนาคารแล้ว ท่านจะมีหน้าที่ตามสัญญาในการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคาร เพื่อให้ท่านสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้ การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียสิทธิทางกฎหมาย
    ท่านมีความจำเป็นที่จะต้องส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลการจ่ายเงินให้กับธนาคาร เพื่อให้ธนาคารสามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ หากท่านไม่ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาจทำให้ธนาคารไม่สามารถใช้สิทธิ และปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันที่เกิดขึ้นจากสัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว
    ธนาคารจะตรวจสอบประกาศความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้จึงอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่ธนาคารเห็นสมควร

10. ช่องทางการติดต่อธนาคาร
    ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิใด ๆ โปรดติดต่อธนาคารที่
- เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธนาคาร อีเมล DPOICBCT@th.icbc.com.cn
- Customer Hotline 0 2629 5588


(2022-06-28)